หลายคนคงรู้จักหรือคุ้นเคยกับ Collagen กันมาบ้างแล้ว แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า คอลลาเจน คืออะไร? หากเรารับประทานแล้วจะช่วยเรื่องอะไรบ้าง และสิ่งที่หลายคนก็คงจะไม่รู้เลยก็คือ การกินคอลลาเจนนั้นมีข้อดีอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้เราจะมาอธิบายความหมายของสิ่งนี้ และจะมาอธิบายผลดีผลเสียของคอลลาเจนว่ามีอะไรบ้าง เรามาดูไปพร้อมกัน
คอลลาเจน คืออะไร ? ทำไมเราต้องกินคอลลาเจน
collagen คืออะไร คอลลาเจนคือเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบในผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80% โดยสารตัวนี้มีหน้าที่คล้ายกับกาว และเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อเท้าต่าง ๆ โดยคอลลาเจนนั้นจะอยู่ชั้นล่างสุดของบผิวหนัง (ชั้น Dermis) ซี่งหมายความว่าการใช้ครีมทาผิวแบบทั่วไปนั้น จะไม่สามารถซึมถึงชั้นคอลลาเจนในผิวหนังได้ อย่างไรก็ตามคอลลาเจนในผิวของคนเรานั้นมีมากถึง 18 ชนิดด้วยกัน แต่จะพบได้บ่อย ๆ เพียงแค่ 4 ชนิดเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันนี้ เลือกซื้อคอลลาเจนยี่ห้อไหนดีให้คุ้มค่า ก็สามารถหาได้ทั้งจากแหล่งของคอลลาเจนจากธรรมชาติและรูปแบบอาหารเสริมด้วยเช่นกัน
คอลลาเจน คืออะไร สำคัญกับร่างกายอย่างไร?
คอลลาเจน คืออะไร? อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าคอลลาเจน คือเส้นใยโปรตีนประเภทหนึ่งซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 18 ชนิด ซึ่งเป็นส่วนประกอบรวมกันถึงร้อยละ 6 ของน้ำหนักตัว ซึ่งเป็นองค์ประกอบของโครงสร้างผิวกระดูก และหลอดเลือด หากขาดสิ่งนี้ไปก็จะทำให้กระดูก และผิวหนังนั้นไม่ยืดหยุ่น ไม่มีการกระตุ้นผิวหนังให้กระชับอยู่เสมอ และเมื่อที่มีแผลบนร่างกาย หากไม่มีคอลลาเจนที่เพียงพอ ก็ไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นั่นเอง
คอลลาเจนมีกี่ชนิด แต่ละชนิดมีข้อดีอย่างไร
อย่างไรที่บอกแล้วว่าคอลลาเจนในร่างกายของเรานั้นมีทั้งหมด 18 ชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดนั้นก็มีหน้าที่ที่ต่างกัน ซึ่งคอลลาเจนที่พบได้บ่อยนั้นมีทั้งหมด 4 ชนิดด้วยคือ
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) สำหรับคอลลาเจนชนิดที่ 1 นั้นเป็นชนิดที่เราพบบ่อยมากที่สุดถึง 90% ในร่างกาย นับว่าเป็นคอลลาเจนบำรุงกระดูก ผนังหลอดเลือด เอ็น กล้ามเนื้อ ผิวหนังกระจกตา และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความเหนียวและแข็งแรงของร่างกาย เพิ่มความยืดหยุ่นป้องกันไม่ให้ฉีกขาด และยังช่วยในการสมาแผนบนผิวหนัง นั่นหมายความว่าหากมีคอลลาเจนที่เพียงพอ ก็จะทำให้ผิวสวยไร้ริ้วรอยนั่นเอง
- คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) คอลลาเจนชนิดนี้สามารถพบได้ในตามข้อกระดูกอ่อนต่าง ๆ ในร่างกาย ยกตัวอย่างงเช่น หู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง ซึ่งมีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไปจากคอลลาเจนชนิดที่ 1 อย่างสิ้นเชิง โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้อัตราการเสื่อมของกระดูกบริเวณข้อต่อ ซึ่งเราสามารถพบคอลลาเจนชนิดที่สองได้จาก กระดูกอ่อนและหมอนรองกระดูสันหลัง ซึ่งทำหน้าที่รองรับน้ำหนักตัว และทำให้ความแข็งแรงของข้อกระดูกเพิ่มมากขึ้นในขณะที่เราเคลื่อนไหว โดยทั่วไปแล้วคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นจะประกอบไปด้วยโครงข่ายของเส้นใยคอลลาเจนไทป์ทู ร่วมกับกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) และโปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก สามารถทนแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยชะลอความเสื่อมของกระดูกข้อต่อต่าง ๆ โดยเฉพาะเข่า และสะโพกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) สามารถพบร่วมกับประเภทที่ 3 คือพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย สามารถพบคอลลาเจนชนิดนี้ได้ร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 แต่มีปริมาณน้อยกว่า 10% โดยส่วนใหญ่คอลลาเจนชนิดที่ 3 นั้นมักพบในพนังหลอดเลือด และบริเวณข้อต่อบางส่วนเท่านั้น
- คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen Type IV) สำหรับคอลลาเจนชนิดที่ 4 เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว สามารถพบพบได้บริเวณเนื้อเยื่อที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน เส้นใยฝอยเนื้อเยื่อผิวแผ่นบาง ๆ บริเวณเซลล์ มีส่วนเกี่ยวข้องของการทำงานของระบบประสาท และเส้นเลือดรวมถึงส่วนในการรักษาความสมบูรณ์ของผนังหลอดเลือดในข้อต่อ ทั้งยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการป้องกันเซลล์ที่ลุกลามในร่างกายได้
- คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) สำหรับคอลลาเจนชนิดที่ 5 คือคอลาเจรทที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อบุในเซลล์ต่าง ๆ สามารถพบได้บริเวณเดียวกันกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 มักพบมากในผิวของเซลล์ เส้นผม และเนื้อเยื่อของทารกระหว่างการจั้งครรภ์บริเวณรก ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเส้นใยภายในชั้นผิว และจัดระเบียบของเซลล์ผิวให้เรียบ
จากที่ได้อธิบายไปในข้างต้นนั้น จะสังเกตได้ว่าคอลลาเจนนั้นแทรกซึมอยู่ทั่วร่างกายของเรา โดยปกติแล้วจะมรการสร้างและสลายในคอลลาเจนในปริมาณที่สมดุลกัน แต่เมื่อคนเรามีอายุ 40 ปีขึ้นไป คอลลาเจนเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลงร้อยละ 1 ต่อปี ในขณะที่อัตราการสลายของคอลลาเจนนั้นยังคงเท่าเดิม ทำให้ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายของเรานั้นลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความแข็งแรงของชั้นผิวนั้นลดลงเมื่ออายุมากขึ้น และอย่างที่รู้ดีว่าเมื่อคอลลาเจนลดลง ผิวพรรณ และสภาพร่างกายก็จะค่อย ๆ เสื่อมลง
ประโยชน์ของคอลลาเจนที่คุณต้องรู้
สำหรับการรับประทานหรือฉีดคอลลาเจนนั้นเป็นสิ่งที่ใครหลายคนคงจะให้ความสนใจกันอยู่ ซึ่งอย่างที่ได้เห็นไปแล้วว่า คอลลาเจนนั้นไม่ได้มีผลดีแค่เรื่องบำรุงผิวเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมให้ร่างกายของเรานั้นยังคงแข็งแรง เปล่งปลั่งอีกด้วย ซึ่งเราได้สรุปประโยชน์ของคอลลาเจน มาให้คุณได้ลองศึกษากัน
- ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีอยู่เสมอ
สิ่งแรกที่ทุกคนรู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วนั่นก็คือ คอลลาเจนนั้นช่วยบำรุงให้ผิวมีสุขภาพดีอย่างสม่ำเสมอ ลดการเหี่ยวย่นและลดริ้วรอยที่เกิดจากช่วงวัยได้เป็นอย่างดี โดยผลการวิจัยจากประเทศจีนพบว่า การใช้คอลลาเจนเปปไทด์ กับผู้หญิงที่มีภาวะเป็นฝ้าบนใบหน้า เป็นเวลา 60 วัน ช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทาน และเมื่อสังเกตผู้หญิงที่รับประทานคอลลาเจน 2.5-5 กิโลกรัมเป็นระยะเวลา 8 วัน พบว่าผิวแห้งน้อยลง และความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- ช่วยลดอาการปวดข้อได้
สำหรับการศึกษาพบว่า ข้อดีของคอลลาเจน นั้นไม่ได้มีแค่ช่วยทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ข้อดูกต่าง ๆ สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย จากการศึกษาพบว่าเมื่อนักกีฬารับประทานคอลลาเจนปริมาณ 10 กรัม เป็นระยะเวลา 24 สัปดาห์ พบว่าช่วยลดการปวดข้อกระดูกอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ไม่ได้ทาน และเมื่อให้ผู้ที่มีอายุรับประทานคอลลาเจน 2 กรัมทุกวันเป็นระยะเวลา 70 วัน พบว่าสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดข้อได้ดี เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทาน
- ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
สิ่งต่อมาก็คือคอลลาเจนนั้นสามารถเพิ่มมวลกระดูกได้ ซึ่งจากผลการวิจัยนนั้นพบว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน สามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคซาร์โคพีเนีย หรือผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อย ซึ่งมักพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ และเมื่อทดลองกับผู้ชายที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อย โดยการให้รับประทานคอลลาเจน 15 กรัมเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย พบว่ามีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น และยังมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นอีกด้วย
- ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดแดง
จากการศึกษาค้นคว้า และวิจัยพบว่า คอลลาเจนนั้นเป็นโครงสร้างของหลอดเลือดแดง หากคอลลาเจนมีไม่มากพอ หลอดเลือดแดงอาจะอ่อนแอ และเปราะบางลงได้ ซึ่งนำไปสู่การตีบของหลอดเลือด และอาการหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดในสมอง โดยการทดลองในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง โดยให้รับประทานคอลลาเจน 16 กรัม เป็นระยะเวลา 6 เดือน พบว่าความแข็งของหลอดเลือดลดลง ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบในช่วงก่อนที่จะเริ่มรับประทาน
- ช่วยเสริมมวลกระดูก
ข้อดีของคอลลาเจนสุดท้ายคือ คอลลาเจนนั้นสามารถเพิ่มมวลกระดูกได้เป็นอย่างดี โดยการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่รับประทานอาหารเสริมควบคู่กับคอลลาเจนปริมาณ 5 กรัมต่อวัน เมื่อเทียบกับการรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมอย่างเดียว เป็นระยะเวลา 12 เดือน พบว่าการรับประทานอาหารเสริมควบคู่กับคอลลาเจนนั้นมีระดับโปรตีนที่สูงกว่า และการเสื่อมสลายของกระดูกนั้นลดลง เมื่อเทียบกับผู้รับประทานแคลเซียมเพียงอย่างเดียว
ทำไมเราถึงต้องกินคอลลาเจน
อย่างที่ได้เห็นแล้วว่าคอลลาเจนนั้นเป็นโปรตีนที่มีสัดส่วนมากที่สุดในร่างกาย ซึ่งมีมากกว่า 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมด หรือมากกว่า 30% โดยน้ำหนักของโปรตีนทั้งหมดร่างกาย เป็นเสมือนตัวที่ช่วยเชื่อมเซลล์แต่ละเซลล์เข้าไว้ด้วยกัน เปรียบเสมือนเป็นกาวเชื่อมต่อโดยธรรมชาติ ที่เชื่อมให้เซลล์ติดกัน มีความแข็งแรง มีความชุ่มชื่น ยืดหยุ่น และเต่งตึง ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง เลือดไหลเวียนดีขึ้น และยังช่วยเสริมให้กระดูกมีความแข็งแรงได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
โดยปกติร่างกายมนุษย์นั้นสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ เมื่ออายุมากขึ้นความสามารถผลิตคอลลาเจนลดลง โดยจากผลการวิจัยแล้วในช่วงอายุ 20 ปี ร่างกายจะมีคอลลาเจนสูงถึง 75% และจะค่อย ๆ ลดลงไปตามอายุเฉลี่ย 1-1.5% ต่อปี ส่งผลให้ผิวกระชับเกิดความหย่อนยาน เกิดริ้วรอย หมองคล้ำ นอกจากนี้ยังทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็จะเสื่อมสภาพไปตามอายุอีกด้วย นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงควรรับประทานคอลลาเจนนั่นเอง
คอลลาเจนสามารถรับประทานได้จากที่ไหน?
สำหรับการรับประทานคอลลาเจนนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ในอาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์คอลลาเจนเท่านั้น ยังมีคอลลาเจนมากจากไหน จากแหล่งอื่น ๆ อีกมากมากมายที่เราสามารถไปหารับประทานกันได้ โดยคอลลาเจนโปรตีนที่มีความพิเศษนั้นจะประกอบไปด้วยกรดอะมีโน 3 ชนิดได้ด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย
-วิตตามินซี พบมากในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว สตรอว์เบอร์รี และผลอื่น ๆ อีกหลายชนิด
-โพรลีน สามารถพบได้ในไข่ขาว และจมูกข้าวสาลี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถรับประทานได้ในทุก ๆ วัน
-ไกลซีน สามารถพบได้ในหนังสัตว์ เช่น หนังหมู หนังไก่ เจลลาติน หรืออาหารที่มีโปรตีนสูง
-ทองแดง สามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ เมล็ดงา ผงโกโก้ ถั่วเลนทิล เม็ดมะม่วงหินมะพาน
อย่างไรก็ตามการรับประทานคอลลาเจนควบคู่กับการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่นั้นจะช่วยเสริมสร้างให้ร่างกาย สามารถผลิตคอลลาเจนออกมาได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ร่างกายของเรานั้นแข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย ซึ่งสำหรับใครที่สงสัยว่า คอลลาเจน คืออะไร เราหวังข้อมูลทั้งหมดที่เรานำมาเสนอในวันนี้สามารถตอบคำถามของคุณได้แน่นอน
อ้างอิง:
คอลลาเจน คืออะไร ? กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์. https://www.nestle.co.th/th/nhw/3e/eat/eating-tips-to-boost-collagen-production
Last Updated on 1 year