คอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเหล่าบรรดากลุ่มสตรี เพราะเป็นอาหารเสริมที่ช่วยทำให้ผิวพรรณดีขึ้น ไม่หย่อนคล้อย และที่สำคัญคือการทำให้ผิวชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคอลลาเจนนั้น ไม่ได้แค่ชนิดที่ช่วยบำรุงผิวเท่านั้น แต่ยังมีชนิดที่ช่วยเรื่องกระดูก และไขข้อกระดูกอีกด้วย ฉะนั้นแล้ววันนี้เราจะมาเผยถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ คอลลาเจน ช่วยเรื่องกระดูก ใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะอะไรควรรับรับประทานตั้งแต่ตอนนี้
คอลลาเจน ช่วยเรื่องกระดูก ได้จริงไหม? วันนี้มีคำตอบให้
สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่า คอลลาเจน คืออะไร? และสำคัญอย่างไรกับร่างกายของเรานั้น ก่อนอื่นเรามานำความเข้าใจกันก่อนว่า คอลลาเจน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80% ที่ทำหน้าที่เสมือนกาว และโครงสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เอ็น ข้อ เล็บ เป็นต้น ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้จะซึมอยู่ตามชั้นผิวหนัง และส่วนข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย
แต่การรับประทานคอลลาเจนเพื่อรักษากระดูกนั้น ไม่ใช่จะรับประทานคอลลาเจนชนิดไหนก็ได้ เพราะต้องบอกเลยว่าคอลลาเจนในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลายแบบให้เราได้เลือกรับประทานกัน ซึ่งแต่ละชนิดนั้นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งหากเราต้องการที่จะกินเพื่อรักษา หรือบำรุงกระดูกให้มีความแข็งแรงนั้น จำเป็นที่จะต้องขอคำปรึกษาจากแพทย์ หรือคำแนะนำของเภสัชกรให้ได้รับประทานคอลลาเจนที่ถูกต้อง และตรงกับความต้องการของผู้ซื้อนั่นเอง
คอลลาเจน ช่วยเรื่องกระดูก ต้องเลือกกินประเภทไหน?
สำหรับอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าคอลลาเจนที่มีขายในปัจจุบันนั้นมีหมากมายหลายชนิด หลายยี่ห้อให้เราได้เลือกซื้อกัน ซึ่งจากงานวิจัยเผยว่า คอลลาเจนที่ถูกค้นพบอยู่ในปัจจุบันมีมากถึง 18 ชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีองค์ประกอบ และลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งคอลลาเจนยี่ห้อไหนดีสำหรับกระดูก ต้องเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen type II) ซึ่งจะพบมากใน หู จมูก หลอดลม และซีโครงกระดูก
คอลลาเจนชนิดที่ 2 คืออะไร?
คอลลาเจนชนิดที่ 2 หรือ คอลลาเจนไทป์ทู ( Collagen type II ) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในกระดูกบริเวณข้อต่อ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่มีความยืดหยุ่น และมีความแข็งแรง ซึ่งกระดูกอ่อนส่วนใหญ่นั้นมักจะถูกเปลี่ยนให้เป็นกระดูกทั่วไปเมื่อผ่านการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ ยกเว้นกระดูกอ่อนที่ถูกปกคลุม และถูกปกป้องส่วนปลายของกระดูก เช่น หู จมูก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่เรารับประทาน หรือใช้งานกันอยู่นั้นถูกผลิตขึ้นมาจากกระดูกอ่อนไก่ ที่มีความสำคัญต่อสุขภาพ และการทำงานของข้อต่อต่าง ๆ ใช้งานการรักษา บรรเทาอาการปวดข้อที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบหลายประเภท สามารถช่วยให้กระดูกอ่อนนั้นมีความต้านทานแรงดึง และความยืดหยุ่นของกระดูก ช่วยทำหน้าที่เสมือนเป็นเจลหล่อลื่น ช่วยให้กระดูกที่เชื่อมต่อกันนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่มีแรงเสียดทาน และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อที่รองรับกล้ามเนื้อ และข้อต่อของอวัยวะ และผิวหนังของร่างกาย นอกจากนี้บางคนยังอาจเคยได้ยินมาว่า กลูโคซามีน ก็สามารถช่วยบำรุงกระดูกได้เช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น คอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นยังเป็นส่วนประกอบของเจลใสที่เราใช้หยดใส่ลูกตา (น้ำวุ้นตา) ซึ่งมันประกอบไปด้วย คลลาเจนไทป์ทู และน้ำหนักตาแห้ง เพราะในคอลลาเจนไทป์ทูนั้นยังประกอบไปด้วย เส้นใย fibrillar collagen และสาร Hyaline Cartilage เป็นโปรตีนที่พบได้ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และผิวหนัง ช่วยยึดส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเอาไว้ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า คอลลาเจนช่วยเรื่องกระดูก ได้จริง และยังถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอีกด้วย
คอลลาเจนชนิดที่ 2 เหมาะกับใคร
อย่างที่ได้เห็นไปแล้วว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นเป็นคอลลาเจนที่สำคัญสำหรับร่างกายของมนุษย์เรา ซึ่งหากขาดคอลลาเจนชนิดนี้ไป แน่นอนว่าร่างกายของเราจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วการกินคอลลาเจนบำรุงข้อเข่าหรือกระดูกนั้นจึงตอบคำถามได้ว่ามันช่วยได้จริง แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานคอลลาเจนนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้ออักเสบเท่านั้น ซึ่งเราจะมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับทราบกัน
- ผู้สูงอายุ
กลุ่มแรกที่เหมาะสำหรับการรับประทานคอลลาเจนนั้นคือกลุ่มของ ผู้สูงอายุ เพราะเมื่ออายุของเราเพิ่มขึ้นประสิทธิภาพในการผลิตคอลลาเจนของเราก็จะลดลงตามไปด้วย จึงทำให้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ก็มักจะเจอกับปัญหาไขข้อกระดูกอักเสบ จึงเป็นที่มาของอาการเจ็บปวดบริเวณข้อต่อต่าง ๆ ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว การรับประทานคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
- ผู้ที่มีอาการเจ็บปวดข้อ หรือผู้ป่วยที่เกี่ยวกับข้อเสื่อม
ผู้ที่มีอาการปวดข้อ หรือผู้ป่วยโรคข้อกระดูกเสื่อม ไม่ได้มีเพียงแค่ในกลุ่มของผู้สูงอายุเท่านั้น แต่บุคคลทั่วไปที่ทำงานหนัก ออกกำลังกายหนัก หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ก็สามารถกลายเป็นบุคคลที่มีอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับข้อกระดูกได้เช่นกัน เพราะทั้ง 2 กรณีนั้นล้วนแต่ทำให้กระดูกทำงานอย่างหนัก จนมีความเสียหายต่อกระดูกโดยตรง ซึ่งกระดูกนั้นจะต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง จากการรักษาตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำหนด และเสริมด้วยการรับประทานคอลลาเจน
โดยงานวิจัยได้เผยว่า คอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นมีความสามารถในการดูดซึมผ่านลำไส้ได้เป็นอย่างดี และจะไปสะสมที่กระดูกอ่อนได้ดีกว่าคอลลาเจนชนิดอื่น ๆ ซึ่งทางการแพทย์ได้นำคอลลาเจนชนิดที่ 2 นี้ไปรักษาผู้ในผู้ป่วยที่มีอาการข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม และโรคที่เกี่ยวกับข้อต่อ นอกจากนี้การรับประทานคอลลาเจนชนิดนี้นั้นยังช่วยลดอาการเจ็บปวดข้อ หลังผ่าตัดได้อีกด้วย
- ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวพรรณ
นอกจากคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นจะช่วยในด้านการเจ็บปวดในข้อกระดูกแล้ว และช่วยรักษาข้อเสื่อม และภาวะกระดูกพรุนได้แล้ว คอลลาเจนชนิดนี้ยังมีประโยชน์ในการบำรุงรักษาผิวพรรณให้มีความสดใสเปล่งปลั่งได้อีกด้วย เพราะอย่างที่หลายคนคงจะทราบกันดีแล้วว่า ปัญหาผิวพรรณนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนในทุกช่วงอายุ รวมไปถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตของเราอย่างเช่น การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การโดนแสงแดดที่มากเกินไป หรือความเครียดที่เกิดจากการทำงาน
เมื่อเราต้องพบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมายในแต่ละวัน จึงทำให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ส่งผลกระทบต่อผิวหนังของเราโดยตรง ซึ่งสิ่งที่เราพบเจอได้มากที่สุดก็คือ ผิวหนังเกิดการเหี่ยวย่น มีตีนกา มีริ้วรอย มีปัญหาถึงใต้ตา และเกิดปัญหาในผิวหนังมากมาย เพราะฉะนั้นแล้วการรับประทานคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นจะช่วยเสริมให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนได้เพียงพอต่อความต้องการ ช่วยเสริมให้ผิวหนังมีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยให้ผิวใสลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัยได้อีกด้วย
หากร่างกายขาดคอลลาเจน จะเกิดอะไรขึ้น
อย่างที่ได้เห็นแล้วว่า การรับประทานคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นสำคัญกับร่างกายของเราอย่างไร แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าหากร่างกายของเรานั้นขาดคอลลาเจนชนิดนี้ไป จะเกิดผลอย่างไรกับร่างกายของเราบ้าง เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้เราจะมายกตัวอย่าง 6 สิ่งที่หากร่างกายของเราขาดคอลลาเจนจะเกิดอะไรขึ้น เรามาดูไปพร้อมกัน
- มีริ้วรอย และทำให้หน้าแก่เกินไว
สิ่งแรกที่เราจะพบได้จากการขาดคอลลาเจนเลยก็คือ ใบหน้าของเรานั้นจะเต็มไปด้วยริ้วรอย และยังทำให้ผิวเกิดความหย่อนยาน เพราะคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของร่างกายถึง 90% ซึ่งส่วนมากจะอยู่ในชั้นผิวหนัง ซึ่งหากร่างกายของเราขาดคอลลาเจนไปก็จะส่งผลกระทบต่อผิวหนังของเราโดยตรง โดยผู้ที่ขาดคอลลาเจนนั้นจะมีริ้วรอยอยู่บริเวณหน้าผาก มีร่องลึกข้างแก้ม และทำให้ใบหน้าแก่เกินวัยนั่นเอง
- ผิวแห้ง หยาบกร้าน
สิ่งต่อมาที่สามารถเกิดได้หากร่างกายขาดคอลลาเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 คือจะทำให้ผิวหนังของเราเกิดการแห้ง และยิ่งร่างกายของเราต้องพบเจอกับ แสงแดด ฝุ่นควัน หรือการสูบบุหรี่ ก็จะยิ่งทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น นี่คือเหตุผลสำคัญที่เราควรรับประทานคอลลาเจนเสริมนั่นเอง
- ปวดกระดูก และข้อเข่า
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่า คอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นอยู่ในบริเวณข้อกระดูกต่าง ๆ ในร่างกายของเรา ซึ่งแน่นอนว่าหากร่างกายของเราขาดคอลลาเจนชนิดนี้ไป ก็จะทำให้ข้อกระดูกของเรานั้น เกิดการเสื่อมสภาพ และเกิดการเจ็บปวดได้จนทำให้เกิดข้ออักเสบเรื้อรัง จนกลายเป็นข้อต่อติดกันในท้ายที่สุด
- กระดูกเสื่อม และบางลง
อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้หากร่างกายของเราขาดคอลลาเจนชนิดที่ 2 คือโครงสร้างของร่างกายของเรานั้นเกิดการเสื่อมสภาพ จนทำให้มวลกระดูกในร่างกายนั้นลดลง จนเรียกได้ว่ากระดูกบาง หรือกระดูกเสื่อม จนทำให้เรานั้นรู้สึกปวดกระดูก ปวดข้อในช่วงเวลาที่เราเคลื่อนไหว และหากเกิดการหกล้มก็มีโอกาสสูงที่กระดูกจะหักได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย
- กล้ามเนื้อเกิดการหด หรือลีบเล็กลง
สิ่งต่อมาที่เกิดขึ้นได้หากร่างกายของเราขาดคอลลาเจน คือกล้ามเนื้อของเราจะเกิดการหดเล็กลง หรือเกิดการลีบเล็กลง เป็นเพราะในกล้ามเนื้อของเรานั้นประกอบไปด้วยโปรตีนคอลลาเจนอยู่ราว 10% เมื่อร่างกายของเราไม่ได้รับคอลลาเจนที่เพียงพอ ก็ทำให้กล้ามเนื้อของเราเกิดการกดตัว และเล็กลงเรื่อย ๆ จนเห็นกระดูก ซึ่งการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อของเรานั้นไม่หดเล็กลง สามารถทำได้โดยการเดิน หรือออกกำลังกายเป็นประจำ และรับประทานอาหารและคอลลาเจนให้เพียงพอในแต่ละวัน
- ผมร่วงเยอะ ร่วงบ่อยกว่าปกติ
สิ่งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นหากร่างกายของเราขาดคอลลาเจน คือรากผมและหนังศีรษะไม่แข็งแรง จึงไม่สามารถสร้างเส้นผมขึ้นมาได้ดีเท่าเดิม จากผลการศึกษาพบว่าประโยชน์ของการกินคอลลาเจนเป็นตัวทำหน้าที่สำคัญในการจำกัดอนุมูนอิสระบริเวณรากผม ทำให้เส้นผมแข็งแรง และเติบโตได้อย่างปกติ ดังนั้นเมื่อร่างกายของเราขาดคอลลาเจนไป ก็จะทำให้เส้นผมอ่อนแอ และขาดหลุดร่วงไปนั่นเอง
อย่างไรก็ดีการรับประทานคอลลาเจนเสริมนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนสมควรทำเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน หรือวัยชรา ก็สมควรที่จะรับประทานเพื่อเสริมสร้างให้ร่างกายของเราแข็งแรงอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาด้านการเจ็บปวดตามกระดูกและข้อต่าง ๆ ยิ่งต้องรับประทาน เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ได้อีกด้วย
อ้างอิง:
คอลลาเจนไทพ์ทู ( Collagen Type II ) มีประโยชน์อย่างไร. https://amprohealth.com/magazine/collagen-type-ii/
Last Updated on 1 year