Home Health คอลลาเจน มาจากไหน ? ไขข้อข้องใจคอลลาเจนสกัดมาจากอะไรบ้าง

คอลลาเจน มาจากไหน ? ไขข้อข้องใจคอลลาเจนสกัดมาจากอะไรบ้าง

0
คอลลาเจน มาจากไหน ? ไขข้อข้องใจคอลลาเจนสกัดมาจากอะไรบ้าง

คอลลาเจน มาจากไหน ? สิ่งที่สาว ๆ หลายคนให้ความสำคัญกับการรับประทานเป็นอย่างมาก เพราะอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า คอลลาเจนนั้นช่วยในเรื่องการบำรุงผิวให้ดูเต่งตึง สวยงามอยู่ตลอดเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่สาว ๆ ไม่ว่าสาวเล็กหรือสาวใหญ่ต้องการอย่างแน่นอน แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าที่จริงแล้ว คอลลาเจน มาจากไหนกันแน่ แล้ว คอลลาเจนยี่ห้อดีที่สุดที่ควรซื้อ ใช่คอลลาเจนจริง ๆ หรือไม่ วันนี้เราจะมาศึกษาไปพร้อม ๆ กัน


คอลลาเจน มาจากไหน ? คืออะไร?

คอลลาเจน มาจากไหน ? คืออะไร?

สำหรับคำถามที่ว่า คอลลาเจน มาจากไหน? ก่อนจะไปหาคำตอบกันเราคงต้องมาเรียนรู้ก่อนว่า คอลลาเจน คืออะไร ? โดย Collagen (คอลลาเจน) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่มีการรวมตัวกันของกรดอะมิโนหลายชนิดด้วยกัน เป็นโปรตีนเส้นใยที่พบมากที่สุดในร่างกายของมนุษย์เราโดยมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง กล้ามเนื้อ หลอดเลือด เส้นเอ็น กระดูก กระดูกอ่อน ข้อต่อ เล็บ ขน เส้นผม นอกจากนี้คอลลาเจนยังอยู่ทั่วทั้งร่างกาย ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนยึดเซลล์ต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย และเพิ่มความยืดหยุ่นให้อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายอีกด้วย


คอลลาเจน มาจากไหน ช่วยอะไรและเราควรกินคอลลาเจนหรือไม่?

คอลลาเจน มาจากไหน ช่วยอะไรและเราควรกินคอลลาเจนหรือไม่?

จากที่ได้เห็นไปแล้วว่าคอลลาเจนนั้นอยู่ในทุกส่วนของร่างกายเราตั้งแต่ผิวหนัง เส้นผม ไปจนถึงหลอดเลือด ซึ่งจากบทวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับพบว่าการรับประทานคอลลาเจนเสริมนั้นสามารถช่วยให้ผิวพรรณนั้นมีความมีความยืดหยุ่นได้สูงขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นในผิว นอกจากนี้ยังคอลลาเจนยังสามารถบำรุงรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น กระดูก ข้อเข่า เส้นเลือด ทำให้ส่วนต่าง ๆ เหล่านี้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้นตามช่วงอายุนั่นเอง


คอลลาเจนมีกี่ประเภท 

คอลลาเจนมีกี่ประเภท 

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าคอลลาเจนนั้นเป็นการรวมตัวของกรดอะมิโน ซึ่งกระจายอยู่ไปทั่วร่างกายของเรา ซึ่งในปัจจุบันมีการค้นพบคอลลาเจนมากกว่า 29 ชนิด แต่คอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกายมี 5 ชนิดด้วยกัน คือ

  • Collagen type 1 คอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ใช้ในยึดกล้ามเนื้อกระจกตา ผิวหนัง และผนังหลอดเลือด ช่วยไม่ให้เนื้อเยื่อฉีกขาด และยังช่วยให้เพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้ผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อย ช่วยขยายจำนวนเซลล์ผิวให้มากขึ้นอีกด้วย ทำให้ผิวของเรากระชับมากยิ่งขึ้น และยังนับว่าเป็นคอลลาเจนบำรุงข้อเข่าได้อีกด้วย นอกจากนี้คอลาเจนชนิดที่ 1 ยังเปรียบเสมือน biomarker (ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ) ที่ช่วยในการติดตามความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจล้มเหลวได้
  • Collagen type 2 สำหรับคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั้นเป็นคอลลาเจนที่มีหน้าที่แตกต่างกันกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 มีหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์เซลใหม่ ๆ ในร่างกาย ให้มีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ช่วยสร้างกระดูกอ่อน ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวสะดวก ลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ เมื่อทำงานร่วมกับไกลโคสะมิโนไกลแคน ช่วยให้ลุกลามของโรคเสื่อมต่าง ๆ ให้ช้าลง
  • Collagen type 3 คอลลาเจนชนิดที่ 3 นั้นสามารถพบได้ร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 แต่มีอัตราส่วนที่น้อยกว่า ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้ส่วนมากจะพบในผนังหลอดเลือด ผิว กล้ามเนื้อในเด็ก ผิวที่เพิ่งเกิดใหม่ หรือผิวจากแพลที่เพิ่งสร้างใหม่ ซึ่งเมื่อเพิ่มคอลลาเจนชนิดที่ 3 และ 1 พบว่าจำนวนเซลล์ไฟโบรบลาสด์เพิ่มขึ้นทำให้เนื้อเยื่อมีจำนวนมากยิ่งขึ้น และส่งผลให้ผิวยกกระชับมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
  • Collagen type 4  คอลลาเจนชนิดที่ 4 เป็นคอลลาเจนที่มีอยู่ในลักษณะเฉพาะตัว สามารถพบได้บริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันกล้ามเนื้อ และไขมัน เส้นใยของเยื่อผิวแผ่นบาง บริเวณรอบนอกเซลล์ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท และเส้นเลือดต่าง ๆ รวมไปถึงการรักษาให้เกิดความสมบูรณ์แบบภายในผนังหลอดเลือดของข้อต่อ ทั้งยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการป้องกันเซลล์มะเร็งที่ลุกลามอยู่ในร่างกาย 
  • Collagen type 5 คอลลาเจนชนิดที่ 5 เป็นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบเป็นเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถพบได้ในบริเวณเดียวกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 เช่น เส้นผม เนื้อเยื่อของทารกในระหว่างการตั้งครรภ์ และรก โดยคอลลาเจนชนิดนี้ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเส้นใยในชั้นผิว และยังสามารถจัดระเบียบของเซลล์ผิวให้ผิวมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

โดยจากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นสามารถสรุปได้ว่าคอลลาเจนนั้นมาจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่ร่างกายของเราผลิตออกมาเพื่อทำให้เซลล์ ในร่างกายนั้นมีความยืดหยุ่น และยังเป็นตัวที่ทำกล้ามเนื้อภายในร่างกายของเรานั้นเชื่อมต่อกันอย่างแข็งแรง เปรียบเสมือนกาวที่ทำหน้าที่เชื่อมและยึดติดเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน แต่กระนั้นยังไม่พอ เมื่ออายุเพิ่มขึ้นร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง เราจึงต้องรับประทานคอลลาเจนเสริมเข้าไปเพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกายเข้าไปอีก


คอลลาเจนธรรมชาติ หาได้จากที่ไหนบ้าง

คอลลาเจนธรรมชาติ หาได้จากที่ไหนบ้าง

นอกจากที่เราจะสามารถรับประทานอาหารเสริมที่มีคอลลาเจนแล้ว เราสามารถรับประทานอาหารเพื่อเสริมคอลลาเจนในร่างกายได้อีกด้วย โดยอาหารที่รับประทานนั้นต้องเป็นอาหารที่มีคอลลาเจนอยู่ภายใน หรือเป็นอาหารทีช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนออกมาได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย

  • เนื้อสัตว์ อาหารจำพวกเนื้อสัตว์นั้นเป็นอาหารที่พบคอลาเจนได่มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมจะอุดมไปด้วยโปรตีนหลาย ๆ ประเภทเข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ ซึ่งชิ้นส่วนที่ติดกระดูกนั้นจะอุดมไปด้วยคอลลาเจน เช่น ส่วนริบอาย หรือปีกไก่ ส่วนเหล่านี้จะเต็มไปด้วยคอลลาเจนที่ร่างกายมนุษย์เราต้องการ
  • น้ำซุปกระดูก สำหรับซุปกระดูกถือว่าเป็นเลือกยอดนิยมอย่างมาก เพราะกระบวนการทำน้ำซุปนั้นเป็นการเคี้ยวกระดูกเพื่อให้รสชาติที่กลมกล่อม ซึ่งส่วนกระดูกนี่แหละคือส่วนที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนมากมาย และยังเป็นแหล่งเจลาตินธรรมชาติอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วการรับประทานน้ำซุปกระดูกนั้นเป็นการรับประทานคอลลาเจนที่สำคัญไปในตัวนั่นเอง
  • เนื้อปลา สำหรับการรับประทานเนื้อปลาเป็นการรับประทานคอลลาเจนที่ดีที่สุดในบรรดาคอลลาเจนทั้งหมด เพราะการรับประทานเนื้อปลานั้นนอกจากอุดมไปด้วยสารอาหารทางธรรมชาติแล้ว ยังเต็มไปด้วยคอลลาเจนที่ดีช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังได้เป็นอย่างดี โดยปลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ปลาเซลมอน ปลาทู ปลาทูน่า โดยจากผลการวิจัยพบว่าคอลลาเจนที่ได้จากปลานั้น สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากถึง 1.5 เท่า เมื่อเทียบคอลลาเจนจากเนื้อวัว (เข้าสู่กระแสเลือด) จึงถือได้ว่าเป็นแหล่งคอลลาเจนธรรมชาติที่ดีที่สุดนั่นเอง
  • ไข่ขาว เป็นอีกหนึ่งคอลลาเจนที่เราสามารถรับประทานกันได้ในทุก ๆ วัน ซึ่งในใข่ขาวนั้นอุดมไปด้วยสาร กลูโคซามีนซัลเฟต, คอนดรอยตินซัลเฟต, กรดไฮยาลูโรนิก และกรดอะมิโนอื่น ๆ ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นต่อการผลิตคอลลาเจนที่ร่างกายต้องการ ซึ่งเราสามารถรับประทานได้ง่าย ๆ จากจากไข่ไก่ทั่ว ๆ ไป โดยผ่านกรรมวิธี ทอด ต้ม และลวกนั่นเอง
  • สาหร่าย คงไม่มีใครคาดคิดว่าการรับประทานสาหร่าย จะเป็นการเพิ่มคอลลาเจนไปในตัว ซึ่งการรับประทานสาหร่ายสไปรูลิน่านั้นจะช่วยเพิ่มคอลลาเจนในร่างกาย เพราะสาหร่ายส่วนนี้อุดมไปด้วยไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) แกมม่า-ไลโนเลนิค แอซิด (Gamma-Linolenic Acid) สเตอรอลจากพืช (Plant Sterols) และเส้นใยอาหาร ซึ่งเป็นส่วนผสมในคอลลาเจนที่ร่างกายต้องการ

วิธีการรับประทานอาหารเพื่อเสริมคอลลาเจน

วิธีการรับประทานอาหารเพื่อเสริมคอลลาเจน

จากข้อที่แล้วจึงสรุปได้ว่าการรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการนั้น จะช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนธรรมชาติออกมาได้ นอกจากนี้อาหารบางชนิดก็เพียบพร้อมไปด้วยคอลลาเจนที่ร่างกายต้องการอีกด้วย ฉะนั้นแล้วเราจะมาดูกันต่อว่าการกินคอลลาเจนให้ได้ผลด้วยอาหารที่เต็มไปด้วยคอลลาเจนนั้นควรรับประทานอย่างไรเรามาดูกัน

  1. กินโปรตีนที่เพียงพอต่อวัน

การรับประทานอาการที่ประกอบไปด้วยโปรตีนนั้น จะช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนออกมาได้เพียงพอเท่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งเราสามารถรับโปรตีนได้ผ่านการรับประทานเนื้อเสื้อสัตว์ นม ไข่ หรือธัญพืชต่าง ๆ วันละ 1-1.25 กรัม/ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เมื่อได้รับโปรตีนที่เพียงพอแล้วจะทำให้ร่างกายจะย่อยเป็นกรดอะมิโนเพื่อไปสร้างคอลลาเจนไปใช้ประโยชน์ต่อสภาพผิว ข้อเข่า และยังสร้างสมดุลต่อร่างกายอีกด้วย

  1. การรับประทานอาการที่อุดมไปด้วยวิตามิน C

วิตามินซีนั้นช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจน และวิตามินชนิดนี้นั้นถือเป็นสารต้านอนุมูนอิสระที่สำคัญต่อร่างกาย และช่วยในการชะลอการสลายของคอลลาเจนอีกด้วย โดยแหล่งของวิตามินซี คือ ผักผลไม้ต่าง ๆ ที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน เช่น คะน้า บรอกโคลี มะนาว สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล ส้ม เบอร์รี่ชนิดต่าง ๆ

  1. การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน A

วิตามินเอนั้น เป็นอีกหนึ่งวิตตามมินที่สำคัญต่อร่างกายของเรา เพราะมันจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของไฟโบรบลาสต์ (fibroblast) ซึ่งมีหน้าที่สร้างคอลลาเจนแ และอิลาสติน ของร่างกายที่ทำให้ผิวพรรณนั้นมีความชุ่มชื้น และเต่งตึงอยู่เสมอ สำหรับแหล่งอาการที่มีวิตามินเอนั้นประกอบไปด้วย เนื้อสัตว์ นม ไข่ ผักสีเขียว และสีส้ม อย่างเช่น แครอท มะละกอสุก ตำลึง เป็นต้น

  1. การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน E

วิตามินอี เป็นวิตามินสุดที่สำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนเช่นเดียวกันกับ วิตามินเอและซี โดยวิตามินชนิดนี้นั้นเป็นสารต้านอนุมูนอิสระที่ทำหน้าที่ควบคู่กับวิตามิน C โดยแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอีนั้นประกอบไปด้วย น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง ถั่วอัลมอนด์ อาโวคาโด มะม่วง กีวี เมล็ดทานตะวัน ข้าวซ้อมมือ เป็นต้น นอกจากนี้วิตามินอียังมีสาร แอนตีออกซิแดนท์ ที่เป็นตัวช่วยในการระบบกล้ามเนื้อ และช่วยในการบำรุงเลือดในตับอีกด้วย


นอกจากนี้การรับประทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว หรือการรับประทานน้ำวันละ 2 ลิตรนั้น จะยิ่งช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนที่ต้องการได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนนั้น ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับร่างกายของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ เพราะในกลุ่มนี้มักจะมีปัญหาตามข้อเข่า และผิวพรรณที่หย่อนคล้อย จึงต้องหมั่นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนตามที่ร่างกายต้องการ


อ้างอิง:

Collagen. https://www.drugwatch.com/health/collagen/

Last Updated on 1 year

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save