Home Health ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม รู้ก่อน ขับถ่ายง่ายปลอดภัยต่อร่างกาย

ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม รู้ก่อน ขับถ่ายง่ายปลอดภัยต่อร่างกาย

0
ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม รู้ก่อน ขับถ่ายง่ายปลอดภัยต่อร่างกาย

ใครที่ขับถ่ายยาก หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการถ่ายของเสียอยู่บ่อย ๆ เชื่อว่าหนึ่งในทางออกของคุณคงหนีไม่พ้นกับการกินดีท็อกซ์ เพื่อให้ระบบการขับถ่ายของเสียกลับมาทำงานได้ตามปกติ และลดอาการแน่นท้องที่เหมือนมีของเสียสะสมอยู่ออกตามขั้นตอน แต่หลายคนที่รู้สึกประทับใจในผลลัพธ์ของการเลือกกินดีท็อกซ์ ทำให้คุณอยากที่จะกินดีท็อกซ์อยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียได้แบบหมดตัว แต่หลายคนก็เกิดคำถามที่ว่า ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม หรือกินดีท็อกซ์ตอนไหนดีที่สุด และมีวิธีการดีท็อกซ์ลําไส้ ธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องกินดีท็อกซ์ที่เป็นสารเคมีหรือไม่ ในบทความชิ้นนี้จะพาคุณไปรู้จักเกี่ยวกับทุกรายละเอียดของการกินดีท็อกซ์กันให้ครบทุกด้าน และทุกมุม


ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม ปลอดภัยกับร่างกายจริง ๆ หรือไม่ 

ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม ปลอดภัยกับร่างกายจริง ๆ หรือไม่

เบื้องต้นอยากจะพาทุกคนมารู้จักภาพรวม และเจาะลึกไปกับข้อมูลพื้นฐานในการกินดีท็อกซ์กันเสียก่อนว่า จริง ๆ แล้วว่า ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม และมีความปลอดภัยกับร่างกายมากน้อยเพียงใด ในเนื้อหาส่วนนี้จะขอเกริ่นเกี่ยวกับบทบาทของดีท็อกซ์ที่เป็นกินดีท็อกซ์เข้าสู่ร่างกายนั้นไม่ได้เป็นอันตรายต่อชีวิตแต่อย่างใด เพียงแต่การดีท็อกซ์ไม่ควรกินบ่อย หรือกินเสริมทุกครั้งทุกวันหลังอาหาร เนื่องจากร่างกายมีกระบวนการในการขับของเสีย หากมีการกินดีท็อกซ์ที่มากเกินไป อาจจะเป็นการรบกวนกระบวนการดังกล่าว และยังทำให้เกิดผลลัพธ์ข้างเคียงอย่างอาการท้องผูก หรือท้องอืด ท้องเสียง่ายได้อีกด้วย 

หากให้สรุปเพื่อสร้างความเข้าใจในการกินดีท็อกซ์คือ ปลอดภัย สามารถกินเพื่อชำระสารพิษ หรือสิ่งสกปรกที่อยู่ในท้องได้จริง แต่สิ่งที่คุณจำเป็นต้องระวัง และไม่อยากดีท็อกซ์แบบผิดๆ คือ การกินดีท็อกซ์ที่มากเกินไป จะทำให้ดีท็อกซ์ที่กินเข้าไปนั้นไปรบกวนการทำงานในส่วนต่าง ๆ จนอาจทำให้ร่างกายเกิดเสียความสมดุลได้ และทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอีกมากมาย การกินดีท็อกซ์ทุกวันไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ไม่ดีต่อสุขภาพแน่นอน


ควรดีท็อกซ์บ่อยแค่ไหน ถึงจะดีที่สุด

ควรดีท็อกซ์บ่อยแค่ไหน ถึงจะดีที่สุด

จากเนื้อหาเมื่อข้างต้นสิ่งที่คุณได้รู้ไปแล้วคือ ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม คำตอบคือ ดีท็อกซ์ไม่ควรกินทุกวัน ถึงแม้จะไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต และไม่ได้ดีต่อสุขภาพของคุณนั้นคือสิ่งที่เป็นความจริง คำถามต่อมาที่หลายคนน่าจะสงสัยคือ แล้วควรดีท็อกซ์บ่อยแค่ไหน

ถ้าสิ่งที่คุณต้องการคือจำนวนที่ต้องการดีท็อกซ์ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน อาจจะไม่สามารถระบุได้ลึกขนาดนั้น เนื่องจากร่างกายมนุษย์โดยพื้นฐานจะมีการขับสิ่งสกปรกอยู่แล้ว ทำให้การดีท็อกซ์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีความจำเป็นต่อคุณมากขนาดที่หลายคนคิดถึงกัน 

ในกรณีที่ร่างกายทำงานผิดปกติ และไม่สามารถขับของเสียออกได้ตามความเห็นของแพทย์ ถึงจะมีการดีท็อกซ์ของเสียออก ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเท่าที่ควร การดีท็อกซ์ลําไส้ ธรรมชาติอย่างการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ร่วมด้วยกับการรับประทานอาหารที่มีผักเขียว และผลไม้จะดูเป็นการเพิ่มใยอาหาร และทำให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์ เสริมระบบการขับถ่ายให้ทำงานได้ดีดูจะเป็นแนวทางในการขับถ่ายที่ดีมากกว่าการกินดีท็อกซ์บ่อย ๆ


ควรกินดีท็อกซ์เวลาไหน จะดีต่อร่างกายที่สุด

ควรกินดีท็อกซ์เวลาไหน จะดีต่อร่างกายที่สุด

อีกหนึ่งคำถามที่พบว่าเป็นคำถามที่มีการพูดถึงมากที่สุด และยังไม่ได้รับคำตอบที่คลี่คลายได้ดีพอคือ กินดีท็อกซ์ตอนไหนดีที่สุด อย่างที่ได้กล่าวไปการกินดีท็อกซ์ไม่ใช่คำแนะนำหลักของแพทย์ เพราะร่างกายที่สามารถขับสารพิษ และสิ่งสกปรกได้ดี ทำให้การกินดีท็อกซ์ควรเป็นตัวเลือกที่มาทีหลัง อย่างน้อยคุณก็ควรที่จะดื่มน้ำให้มากขึ้น หรือเลือกวิธีดีท็อกซ์ลําไส้แบบธรรมชาติอย่างการรับประทานผัก และผลไม้เพื่อให้ร่างกายกลับมาสมดุล และทำงานได้ปกติอีกครั้ง 

ในกรณีที่ทำทุกอย่างตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว การกินดีท็อกซ์ถึงควรจะเป็นตัวเลือกที่คู่ควร โดยคำถามอย่าง ดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า ควรเลือกกินในช่วงก่อนนอน เพื่อให้ระบบย่อยอาหารได้ดูดซึม และทำการย่อยอาหารให้เรียบร้อย เมื่อคุณตื่นนอนก็จะประจวบเหมาะกับการที่ระบบขับถ่ายพร้อมที่จะขับสิ่งสกปรกออกจากร่างกายได้แบบพอดิบพอดีนั่นเอง


7 วิธีดีท็อกซ์ลําไส้ ธรรมชาติด้วยผัก และผลไม้ที่หาซื้อง่าย ใกล้ตัว 

7 วิธีดีท็อกซ์ลําไส้ ธรรมชาติด้วยผัก และผลไม้

ใครที่ติดตามเนื้อหาของบทความมาเรื่อย ๆ จะเห็นประโยคที่ว่าร่างกายสามารถขับของเสียออกเองได้ และยังพบทางเลือกในการกินดีท็อกซ์แบบธรรมชาติอย่างผัก และผลไม้ โดยผัก และผลไม้ที่พูดถึงนั้นจะเป็นอะไรบ้าง ในเนื้อหาส่วนนี้ได้รวบรวมมาไว้ให้คุณ เพื่อให้ไปลองหาซื้อมาติดตู้เย็น และกินเพื่อเพิ่มไฟเบอร์ให้กับลำไส้กัน 

เสาวรส 

คาดว่าน่าจะเกินคาดของใครหลาย ๆ คน เนื่องจากเสาวรสเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว และมักโดดเด่นในเรื่องของการบำรุงผิวจากการที่มีวิตามินซี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าผลไม้ประเภทนี้นี่เองที่มีไฟเบอร์ 10 กรัม และยังมีวิตามิน รวมถึงสารอาหารที่ร่างกายต้องการมากมายไม่ว่าจะเป็น แมกนีเซียมสูง ช่วยในเรื่องของการเผาผลาญไขมันในหลอดเลือด และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และยังมีฟอสฟอรัส ร่วมด้วยกับแคลเซียม ทำให้ผู้กินเสาวรสเข้าไปทำให้มีกระดูกที่แข็งแรง และทนทานมากยิ่งขึ้น 

มะขาม

นี่เป็นผลไม้ที่เมื่อผู้คนนึกถึงการขับของเสีย ชื่อของมะขามจะต้องเข้ามาเป็นผลไม้ที่ทุกคนคิดถึง เนื่องจากมะขามนั้นมีไฟเบอร์ 5 กรัม และยังมีสารเซนโนไซด์ที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการแก้ท้องผูก ร่วมด้วยกับมีฤทธิ์อ่อน ๆ สำหรับการเป็นยาระบาย ด้านเปลือกของมะขามเองก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน เพราะเปลือกมะขามสามารถที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระสูง

มะขามเป็นผลไม้ที่มีดีหลากหลายส่วน นอกจากมะขาม และเปลือกมะขามที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ยังมีเนื้อมะขามที่ผู้คนนิสัยนำไปขัดผิว เพื่อเผยผิวใสกันอยู่บ่อยครั้ง ส่วนของฝักก็ยังช่วยในการแก้ไข และทำให้คอปลอดโปร่งขึ้น เป็นผลไม้ที่มีดทั้งภายนอก และภาพในแบบเกิน 100% 

ฝรั่ง

เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่าย และน่าจะเป็นผลไม้ที่ทุกคนชื่นชอบกัน เนื่องจากรับประทานง่าย มันปากเวลาเคี้ยว ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง สามารถช่วยเพิ่มกากให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายสามารถขับถ่ายได้ง่ายมากกว่าเดิม พร้อมทั้งยังมีสารแทนนินที่ช่วยในเรื่องของการยับยั้งเชื้อโรค ใครที่ท้องเสียบ่อย ๆ หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร การเลือกรับประทานฝรั่งถือเป็นทางออกที่ดูดีไม่น้อย รู้หรือไม่ว่าฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ๆ ทำให้ผู้ที่อยากหาผลไม้มารับประทานเพื่อช่วยในเรื่องผิวหมองคล้ำ ผิวเสีย หรือปัญหาผิวอื่น ๆ มักจะแก้ด้วยการกินฝรั่งกันอยู่เป็นประจำ 

ทับทิม

ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่รวบรวมสารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับไว้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสารพูนิคาลาจินที่มีประโยชน์กับร่างกายในแง่ต้นสารอนุมูลอิสระ และยังทำให้คุณสามารถที่จะลดอาการอักเสบที่เกิดบริเวณกระเพาะได้อีกด้วย นอกจากสารพูนิคาลาจินแล้ว ยังมีสารในกลุ่มแทนนินสูงช่วยป้องกันโรคมะเร็งในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี 

ในหมู่คนรักสุขภาพแล้ว มักจะมีการดื่มน้ำทับทิมอย่างน้อยวันละแก้ว เพื่อช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือดให้แข็งแรง และทำงานได้ดี ไม่เสียสมดุลระหว่างที่ทำงาน สิ่งน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันเมล็ดทับทิมคือ หากคุณดื่มน้ำมันเมล็ดทับทิมอย่างน้อย 800 มล. จะช่วยทำให้คุณห่างไกลจากโรคหัวใจได้ และนี่เป็นทั้งหมดของประโยชน์จากทับทิม 

กล้วย

ใครที่มักจะมีปัญหาในการขับถ่าย เชื่อว่าตอนเด็ก ๆ คชผู้ปกครองของคุณจะต้องนำกล้วยมาให้คุณทาน ในตอนนั้นคุณอาจจะไม่ได้สงสัย หรือคิดว่ากล้วนนั้นสามารถช่วยให้คุณหายจากอาการผิดปกตินี้ของร่างกายไปได้ แต่ในทางกลับกันแล้วกล้วยเต็มไปด้วยพรีไบโอติกที่ช่วยส่งเสริมความสามารถในการขับถ่ายให้ทำงานได้ง่าย และดียิ่งขึ้น หรือจะเรียกว่าเป็นดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติ

ประโยชน์ของกล้วยยังไม่ได้หมดลงแต่เพียงเท่านี้ เพราะกล้วยยังมีประโยชน์แบบครอบจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นลดไข้ แก้แผลไฟไหม้ หรือจะเป็นรักษาอาการอักเสบของน้ำร้อนลวกได้เพิ่มเติม ทำให้คนสมัยก่อนมักจะมีกล้วยติดบ้านกันไว้อยู่เสมอ เพราะกล้วยสามารถที่จะทำให้พวกเขาอิ่มท้องได้ และยังช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้

กีวี

หนึ่งในผลไม้ที่คนต้องการลดน้ำหนักมักจะมีติดบ้านไว้ เพื่อใช้สำหรับการทำน้ำปั้นเพิ่มพลังงานของร่างกาย และช่วยในเรื่องสร้างภูมิต้านทานโรค เพราะนี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี, วิตามินบี หรือวิตามินอี ทุกวิตามินนี้นอกจากจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณนั้นเรียบเนียน และขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติด้วย 

แอปเปิล

ผลไม้ที่ทุกคนรู้จัก แต่อาจจะไม่รู้ว่าผลไม้ที่รับประทานกันอยู่บ่อย ๆ อย่างแอปเปิลนั้นมีสารอาหารอย่างไรต่อร่างกายบ้าง นี่เป็นผลไม้ที่ไฟเบอร์สูง ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหาร และขับของเสียสามารถทำได้ดี อีกทั้งยังมีสารฟลาโวนอยด์ ชนิดเควอซิทินที่ช่วยป้องกันโรคร้ายแรงมากมาย ทั้ง โรคหอบ, มะเร็ง, โรคหลอดเลือด, โรคหัวใจ และอื่น ๆ อีกมาก 

ใครที่ชอบรับประทานเปลือกของแอปเปิล นี่เป็นนิสัยในการรับประทานแอปเปิลที่ถูก และควรทำ เนื่องจากเปลือกแอปเปิลนั้นช่วยในเรื่องต้านสารอนุมูลอิสระ และยังมีส่วนในการช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งตับ ประโยชน์ของแอปเปิลยังไม่ได้หมดลงเท่านี้เพราะแอปเปิลเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่าลดอาการผิวแก่ และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวได้ ใครไม่อยากมีริ้วรอยแห่งวัยมาถามหา แนะนำให้เริ่มต้นรับประทานแอปเปิลกันตั้งแต่เนิ่น ๆ 

นี่เป็นเนื้อหาเพียงบางส่วนเท่านั้นเกี่ยวกับการเลือกวิธีดีท็อกซ์ร่างกาย หากมีคำถามที่ว่า ดีท็อกซ์กินทุกวันได้ไหม คำตอบคือ คุณสามารถทำได้ แต่ไม่ปลอดภัยกับระบบต่าง ๆ ของร่างกาย แม้จะไม่อันตรายถึงชีวิตก็ตาม หากต้องการดีท็อกซ์ลำไส้ หรือรู้สึกร่างกายไม่ค่อยขับถ่ายของเสีย แนะนำว่าควรดีท็อกซ์ลําไส้แบบธรรมชาติก่อนจะเป็นคำตอบที่ดูดี และน่าสนใจได้มากกว่า 


อ้างอิง

Last Updated on 1 year

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save