ในบทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ สมุนไพรดีท็อกซ์ ที่คุณสามารถหาซื้อได้ง่าย และราคาไม่แพง ที่สำคัญเลยก็คือรสชาติดี โดยที่ไม่ต้องมองหาผลิตภัณฑ์ช่วยดีท็อกซ์ให้ยุ่งยาก รับรองว่าถูกใจสำหรับใครหลายคนที่กำลังเผชิญอยู่กับโรคท้องผูก หรือผู้ที่มีปัญหาในการขับถ่ายกันแน่นอน ถ้าอยากรู้แล้วว่าสมุนไพรดีท็อกซ์ มีอะไรบ้างไปติดตามเนื้อหาที่นำมาฝากกันได้เลย
สมุนไพรดีท็อกซ์ คืออะไร
เบื้องต้นก่อนที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับสมุนไพรแต่ละชนิด อยากที่จะปูภาพรวมเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจเกี่ยวกับสมุนไพรดีท็อกซ์กันเสียก่อนว่า สมุนไพรประเภทนี้มีจุดเด่นอย่างไร ทำไมถึงช่วยในการดีท็อกซ์ร่างกาย และปลอดภัยหรือไม่ เพราะคาดว่านี่น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลายคน
สมุนไพรดีท็อกซ์ คือ สมุนไพรที่มีไฟเบอร์ปริมาณมาก อีกทั้งยังช่วยล้างสารพิษในร่างกาย กำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ในลำไส้ได้ เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก หรือไม่ได้ถ่ายท้องมาสักพัก การได้ลองทำดีท็อกซ์บ้างก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และควรทำ เนื่องจากการปล่อยให้สิ่งสกปรกในร่างกายสะสม และไม่สามารถหาทางถ่ายออกได้ อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่แข็งแรง และพบปัญหากับโรคแทรกซ้อนได้อย่างโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากสิ่งสกปรกจะไปกองกันอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนั่นเอง
ถ้าถามว่าการดีท็อกซ์มีความปลอดภัยหรือไม่ ตอบได้เลยว่ามีความปลอดภัย และไม่ได้ส่งผลข้างเคียงกับร่างกาย แต่การดีท็อกซ์อย่างต่อเนื่อง หรือทำดีท็อกซ์ทุกวัน อาจจะเป็นการรบกวนระบบขับถ่ายมากเกินไป และยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพในกรณีที่คุณรับประทานไฟเบอร์แบบสำเร็จรูป ที่หลายแบรนด์มักจะพยายามในการเพิ่มวิตามิน หรือส่วนผสมพิเศษ ที่อาจตกค้างในร่างกาย การรับประทานเมื่อพบว่าตัวเองถ่ายน้อยกว่าปกติ หรือท้องผูกจึงเป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่ดีที่สุด
ดีท็อกซ์ควรกินตอนไหน
เพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับการรับประทานดีท็อกซ์จากเนื้อหาก่อนหน้า การรับประทานดีท็อกซ์ไม่อันตรายต่อชีวิต แต่หากรับประทานมากเกินไปก็ไม่ได้ส่งผลดีกับร่างกายอย่างแน่นอน การเลือกรับประทานดีท็อกซ์ควรที่จะเป็นช่วงที่ร่างกายขับถ่ายน้อยกว่าปกติ หรือช่วงที่พบว่าตัวเองมีปัญหาท้องผูกจะเหมาะสมกว่า
ดีท็อกซ์ควรกินตอนไหน สำหรับคำถามนี้มีคำแนะนำให้รับประทานกลางดึก หรือช่วงก่อนนอน เพื่อให้คุณสามารถที่จะได้หลับเพื่อพักผ่อน ในขณะที่ช่วงเวลาดังกล่าวร่างกายจะได้ดูดซึมไฟเบอร์ และเร่งปฏิกิริยาในกระบวนการขับถ่ายให้ทำงานจนพร้อม เมื่อคุณลืมตาตื่น ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะกับการขับถ่ายพอดี เพราะระยะเวลาที่ดีท็อกซ์จะทำงาน และสั่งให้ร่างกายต้องขับของเสียใช้ระยะเวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมถึงแนะนำให้รับประทานก่อนนอนเป็นหลัก
สมุนไพรดีท็อกซ์ ช่วยอะไร
ปัจจุบันผู้คนมีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายกันมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากการเพิ่มจำนวนของผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ที่ในทุกวันนี้มีหลากหลายแบรนด์ที่ลงมาในตลาดนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ร่างกายของเราสามารถที่รับไฟเบอร์ได้ง่าย ๆ จากการเลือกรับประทานอาหารอย่างผักใบเขียวที่มีไฟเบอร์สูง หรือผลไม้ที่อุดมไปด้วยกากใยอาหารก็สามารถกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้เหมือนกัน
ได้รู้ข้อดีของการรับประทานดีท็อกซ์กันไปบ้างแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อดีทั้งหมดของดีท็อกซ์ เพราะจริง ๆ แล้วยังมีข้อดีอีกมากที่นอกเหนือจากการเป็นตัวกระตุ้นระบบย่อยอาหาร หรือเร่งระบบการขับถ่ายให้ร่างกายขับของเสียออกมา ในเนื้อหาส่วนนี้จะขอเจาะรายละเอียดเกี่ยวกับสมุนไพรดีท็อกซ์ ช่วยอะไรบ้าง
-
แก้ปัญหาท้องผูก
อาการท้องผูกคืออาการที่คุณไม่สามารถขับถ่ายได้เหมือนปกติ มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ในร่างกาย ในบางรายจะมีอาการปวดท้อง แต่ไม่มีอุจจาระออกมา แต่การรับประทานสมุนไพรดีท็อกซ์จะช่วยส่งเสริม และกระตุ้นระบบขับถ่ายของร่างกายให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ และทำให้อุจจาระนิ่ม ไม่ต้องทรมานตอนขับถ่าย
-
บรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วน
หลังจากที่ร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกไปได้หมดนั้น จะส่งผลข้างเคียงอย่างอาการท้องไส้ปั่นป่วน ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างท้องเสีย และท้องผูก แน่นอนว่านี่จะทำให้คุณอ่อนเพลียมากทีเดียว แต่ด้วยสมุนไพรดีท็อกซ์จะช่วยลดความหนักของอาการให้เบาลงได้
-
ตัวช่วยลดความอ้วน
เนื่องจากการได้ดีท็อกซ์เป็นการนำของเสียออกจากร่างกาย สิ่งแรกที่เห็นผลได้เลยคือ น้ำหนักตัวของคุณลดลง และการรับประทานดีท็อกซ์ประเภทไฟเบอร์ละลายน้ำได้ หากรับประทานก่อนอาหาร จะทำให้คุณมีความอยากอาหารน้อยลง ทำให้ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ด้วยในเวลาเดียวกัน
-
ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลง
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คือการสะสม และหมักหมมของเสียในร่างกาย หากได้ทำดีท็อกซ์เพื่อทำความสะอาดลำไส้อยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้โอกาสในการเกิดโรคนี้ต่ำ ยิ่งดูแลตัวเองดี และเลือกรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงก็ยิ่งทำให้ไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เท่านั้น
-
ภูมิคุ้มกันแข็งแรง
คำกล่าวที่ว่าหากภายในแข็งแรง ภายนอกก็จะแข็งแรงไปด้วยนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะภายในร่างกายเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากว่าสุขภาพภายในเป็นอย่างไรบ้าง มีส่วนไหนในอวัยวะใดที่เกิดมีสิ่งสกปรกตกค้างหรือไม่ การดีท็อกซ์เป็นการเคลียร์ทุกอย่างที่อันตราย หรือไม่ดีกับร่างกายให้ออกไปผ่านการถ่ายของเสียนั้นเอง เมื่อภายในร่างกายสะอาด แข็งแรง ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย
10 สมุนไพรดีท็อกซ์ มีอะไรบ้าง
และแล้วก็เดินทางมาถึงเรื่องที่ทุกคนรอคอยกันแล้วกับ 10 สมุนไพรดีท็อกซ์ มีอะไรบ้าง ในเนื้อหาส่วนนี้ได้รวบรวม 10 สมุนไพรที่สามารถช่วยให้คุณดีท็อกซ์ได้ ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเรื่องสารตกค้าง เพราะทั้งหมดนี้เป็นสมุนไพรจากธรรมชาติทั้งนั้น ถ้าพร้อมกันแล้วไปติดตามสมุนไพรที่นำมาฝากกันได้ ดังนี้
1. กระเทียม
สมุนไพรที่ช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกัน ใครป่วยง่าย ร่างกายไม่แข็งแรง ต้องลองหาเมนูที่มีกระเทียมเยอะ ๆ มาเสริมภูมิคุ้มกันดู รับรองว่าอาการป่วยจะหายง่ายขึ้น ป่วยยากกว่าเดิม นอกจากเรื่องนี้แล้วกระเทียมยังช่วยบำรุง และทำให้ตับแข็งแรงเพิ่มขึ้นอีก
2. ใบโหระพา
ผักที่หลายคนรู้จัก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เนื่องจากผักประเภทนี้มักใช้ตกแต่งจาน และประกอบอาหารหลาย ๆ ประเภท แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าใบโหระพามีสารที่ช่วยปกป้องตับ และขจัดสารพิษ ทำให้การดีท็อกซ์ด้วยใบโหระพาทำให้ลำไส้สะอาด ปราศจากสารตกค้างได้ด้วย
3. มะนาว
นี่เป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติครอบจักรวาล หากต้องการดีท็อกซ์ด้วยมะนาวให้ผสมกับน้ำอุ่น และดื่มก่อนนอน จะทำให้ตื่นมาระบบขับถ่ายทำงานได้ดี พร้อมกับเสริมภูมิคุ้มกันให้หายป่วย และร่างกายแข็งแรง แน่นอนว่าสมุนไพรชนิดนี้ยังช่วยบำรุงตับให้สามารถกรองสิ่งสกปรกได้อย่างดีเยี่ยม
4. ตะไคร้
สุดยอดสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการล้างพิษได้แทบทุกส่วนของอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็น ตับ, ไต, กระเพาะ ใครที่อยากเคลียร์ร่างกายจากภายในสู่ภายนอก ลองนำตะไคร้ไปต้ม และดื่มเพื่อล้างสารพิษที่รวมถึงสิ่งสกปรกในร่างกายกันได้ กลิ่นอาจจะฉุน แต่รสชาติถือว่าค่อนข้างดีเลย
5. ผักบุ้งไทย
อีกหนึ่งสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการชำระ และล้างสารพิษจากร่างกายได้ดี พร้อมกับยังสามารถล้างสารฆ่าแมลงได้อีกด้วย เพียงแค่คุณนำผักบุ้งไทยไปต้ม และนำมาล้างผักผลไม้ ก็จะทำให้ยาฆ่าแมลงที่เคยเกาะอยู่ตามผักผลไม้หลุดออกจากตัวผลได้ ถือเป็นเทคนิคที่เหล่าแม่บ้านหลาย ๆ คนทำกัน เพื่อความสะอาดของวัตถุดิบในการทำอาหาร
6. ขนุนอ่อน
ถือเป็นผักที่มีความคล้ายคลึงกันยาถ่ายแบบเบา ๆ เนื่องจากเมื่อรับประทานไปแล้วจะกระตุ้นระบบขับถ่ายให้กลับมาทำงาน และช่วยทำให้อุจจาระนิ่ม ไม่ทรมานเวลาขับถ่ายอีกด้วย หากต้องการให้ขนุนอ่อนทำงานได้ดียิ่งขึ้น ควรดื่มน้ำให้เยอะ ๆ ในวันเดียวกัน เพื่อให้ไฟเบอร์สามารถดูดซึมได้ดีและมากที่สุด
7. กระเฉด
นี่เป็นผักที่มีเส้นใยอาหารมาก หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณขับถ่ายยากคือ ในลำไส้ของคุณขาดกากใยอาหารในการเกาะกลุ่มกันของอุจจาระ ทำให้การขับถ่ายเป็นเรื่องยาก การได้รับประทานผักกระเฉดจะทำให้คุณสามารถกลับมาขับถ่ายได้ง่ายตามเดิม สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับใยอาหารของกระเฉดคือ ใยในส่วนนี้จะช่วยป้องกันการเกิดท้องผูกได้ ลดอาการปวดท้องปั่นป่วน ถือเป็นผักที่ทุกบ้านควรมีติดไว้
8. ผักกาดขาว
เชื่อว่าทุกคนรู้จักกับผักกาดขาว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้คุณประโยชน์ทั้งหมดของผักประเภทนี้ ผักกาดขาวถือเป็นผักที่เหมาะกับคนที่กำลังวางแผนอยากลดความอ้วน เนื่องจากผักชนิดนี้ทำให้อิ่มได้นาน กินแล้วอยู่ท้อง ที่สำคัญคือมีใยอาหารสูง ทำให้คุณสามารถขับถ่ายได้ง่าย ไม่ต้องทนปวดท้องเพราะท้องผูกอีก กินได้เรื่อย ๆ เพราะเป็นผักที่มีแคลอรีต่ำ
9. ตำลึง
บ้านใครที่ปลูกผักสวนครัวคาดว่านี่จะเป็นผักที่มีอยู่ที่สวนหลังบ้านคุณแน่ เพราะต้นตำลึงเป็นสมุนไพรคู่บ้านของทุกคน ข้อดีของตำลึงมีอยู่มากจนคุณจะคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการเร่งกระบวนการขับถ่าย ทำให้อุจจาระนิ่มเป็นพิเศษ หรือจะเป็นการลดอัตราการเป็นโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งในกระเพาะอาหาร ทุกโรคที่กล่าวไปนี้สามารถถูกยับยั้งไว้ได้เพียงแค่ใบจากต้นตำลึง
10. กระเจี๊ยบเขียว
ปิดท้ายไปกับสมุนไพรชนิดสุดท้ายอย่างกระเจี๊ยบเขียวที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ได้ เมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกายไปแล้ว จะช่วยปรับลักษณะของอุจจาระให้สามารถนิ่มขึ้น พร้อมสำหรับการถ่ายท้อง ใครที่รู้สึกปวดท้องอยู่บ่อย ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าลำไส้บิดไปมา การได้รับประทานกระเจี๊ยบเขียวจะช่วยบรรเทาอาการปวดดังกล่าวได้ดี วิธีการรับประทานกระเจี๊ยบเขียวคือการนำมาบด และนำเศษที่ได้ไปต้นกับน้ำร้อน และดื่ม ให้คุณนอนพัก อาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
นี่เป็นภาพรวมทั้งหมดของสมุนไพรดีท็อกซ์ที่ตอบทุกคำถามสุดคลาสสิกไว้หมด ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรดีท็อกซ์ มีอะไรบ้าง, สมุนไพรดีท็อกซ์ช่วยอะไร หรือดีท็อกซ์ควรกินตอนไหน หวังว่าบทความนี้จะสร้างความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรดีท็อกซ์ให้กับทุกคนได้ ใครที่กำลังท้องผูก หรือสังเกตตัวเอง และพบว่ามีอาการขับถ่ายที่น้อยลงแปลกไป ลองตามหาสมุนไพรใกล้ตัวตามลิสต์ที่ได้แนะนำไป ไม่แน่ว่าอาการที่เกิดขึ้นอาจบรรเทาขึ้น และทำให้คุณกลับมาขับถ่ายได้ดังเดิม
อ้างอิง
- 5 อาหารที่มีกากใยสูง มีอะไรบ้าง? https://www.sgethai.com/article/รู้จัก-อาหารที่มีกากใยส/
Last Updated on 1 year